วันพฤหัสบดีที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

SF: AFTER { JAKE x SHERRY }




AFTER

JAKE MULLER x SHERRY BIRKINS

 FICTION RESIDENT EVIL


Author: adayinjune


………………………………………………………




รัฐแคลิฟอร์เนีย เทือกเขาสูง, 2013



บ้านไม้สีเข้มตั้งตระหง่านอยู่บนหุบเขาใจกลางทุ่งหญ้าและป่าไม้สีเขียวขจี ท่ามกลางความสงบที่ปกคลุมด้วยธรรมชาติและดื่มด่ำกับช่วงเวลาเงียบสงัดเหมาะแก่การพักผ่อน สวรรค์ของใครหลายคนสำหรับโลกใบนี้ที่กำลังเต็มไปด้วยผู้ติดเชื้อ



เรื่องทั้งหมดเริ่มต้นขึ้นเมื่อนานมาแล้ว คนทรยศและคนเลวหลายคนยังสามารถมีชีวิตได้อยู่พร้อมๆไปกับการพัฒนาของไวรัส โลกนี้กำลังถูกปกคลุมด้วยขุมนรกขุมใหม่ และสำคัญไปกว่านั้นแน่นอนว่าพื้นที่บริสุทธิ์บนผืนดินของเรานี้กลายเป็นสิ่งที่หาได้ยากเหลือเกิน หรือที่เรียกอีกอย่างว่า เขตปลอดเชื้อ



แต่โชคดีที่แคลิฟอร์เนียร์เองก็เป็นหนึ่งในนั้น




พื้นที่หลายหุบเขาถูกล้อมรอบด้วยสนามแม่เหล็กไฟฟ้าในระยะหลายพันไมล์ รวมไปถึงชั้นบรรยากาศเช่นกัน ระบบป้องกันของเราทำมาจากพลังสนามแม่เหล็กแรงสูง ปกป้องมนุษย์บริสุทธิ์ที่เหลือรอดอยู่ไว้ที่นี่ ถึงบางครั้งมันอาจจะเหมือนกับการที่เราถูกขังไว้ด้วยกรงล่องหน แต่กรงนี้ก็คือความปลอดภัยสูงสุดเช่นกัน




“เชอร์รี่ เบอร์กิ้นส์!



หญิงสาวตัวเล็กผมสีบลอนด์สะดุ้งน้อยๆ เมื่อใครบางคนเอ่ยเรียกชื่อเธอ เจ้าของร่างเล็กนั้นลุกขึ้นจากสนามหญ้าหน้าบ้านมองดูรถกระบะคันใหญ่พร้อมกับเจ้าของร่างสะโอดสะองของใครบางคนที่ลงมาจากรถด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า



“ไปเดี๋ยวนี้แหล่ะแคลร์!



แคลร์ เรดฟิลล์ หญิงสาวที่เริ่มลามือจากวงการภายนอกและใช้ชีวิตเงียบๆที่นี่ หล่อนเป็นเหมือนผู้ปกครองของเชอร์รี่หลังจากเหตุการณ์วันนั้นที่หลานเชียงในประเทศจีน จบเรื่องแล้วเชอร์รี่ตัดสินใจถอนตัวออกจากหน่วยงานรักษาความมั่นคงของชาติ พร้อมกับข้อเสนอของคริสพี่ชายของแคลร์ คือการให้เธอมาอยู่ที่นี่


และแม้ว่าการตัดสินใจในครั้งนี้จะนำความสงบสุขกลับมาสู่เธอแต่ทว่า


หัวใจของเธอมันไม่เป็นเช่นนั้น



“อ้ะ…!




ตุ้บ!?



“ระวังหน่อยเชอร์รี่ มันจะช้ำเอาได้นะ”



แคลร์ว่ายิ้มๆ พร้อมกับหยิบลูกแอปเปิ้ลสีแดงขึ้นมาถือไว้ในมือแล้วเดินเข้าบ้านไป เมื่อเชอร์รี่ทำมันตกเมื่อสักครู่นี้ ดวงตาสีฟ้าสดใสหม่นหมองลงในทันทีเมื่อเธอเห็นผลไม้ชิดนี้


แต่ถึงแบบนั้นหญิงสาวก็รีบสะบัดหัวไล่ความคิดนั้นออกไป ก่อนจะตรงเข้าไปยังบ้านของเธอทันที



บ้านไม้ขนาดใหญ่ ใหญ่กว่าบ้านทุกหลังที่ตั้งอยู่ที่นี่เพราะได้รับการอุปถัมภ์จากหน่วยงานบีเอสเอเอของคริส เพราะพวกเขาสามารถกลับมาพักผ่อนได้หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจแล้ว หลายครั้งที่เชอร์รี่มักจะมีแขกที่ทำให้เธอแปลกใจบ่อยๆแต่ทว่า


ในใจเธอยังหวังลึกๆ ว่าแขกผู้มาเยือนอาจจะเป็นคนที่เธอคิดบ้าง




“วันนี้มีปาร์ตี้หรอ?”




เชอร์รี่เอ่ยถามแคลร์ที่ที่ครางเสียงเบาในลำคอตอบรับ ระหว่างที่เธอยกของไปเก็บและแน่นอนว่าคืนนี้ก็คงเป็นเหมือนเคยมีแขกที่ทำให้เธอแปลกใจโดยที่แคลร์ไม่เอ่ยปากบอกเธอเลย



“บางทีเธอน่าจะบอกฉันบ้างว่าใครมาเยี่ยมเรา” เชอร์รี่เอ่ยถามแคลร์ที่หลุดหัวเราะออกมาทันที หญิงสาวละจากการจัดการอาหารตรงหน้าหันมาส่งยิ้มให้เชอร์รี่


“ตอนนั้นเธอยังเด็กเกินกว่าที่จะรู้ว่าใครเป็นใครนะ”


“สิบสองขวบน่ะหรอ”






ออดออด



“ไปเปิดประตูเถอะน่า”



แคลร์บอกปัดยัยตัวเล็กของเธอแทน ก่อนที่จะหันกลับไปจัดการมื้อเย็นในครัวต่อ แน่นอนว่าทันทีที่ประตูเปิดออกเชอร์รี่ก็แทบจะถลาเข้าหาผู้มาเยือนคนใหม่คนนี้ทันที



“ลีออน!



“เฮ้ๆ เย็นไว้แม่หนู นั่นของฉัน”




เอด้าเอ่ยบอกยัยตัวเล็กที่โผเข้ากอดแฟนหนุ่มของเธออย่างเกินหน้าเกินตาถึงจะรู้ว่าเด็กคนนี้มีใครในใจแล้วก็ตาม แต่หล่อนก็เพียงแค่เอ่ยหยอกเท่านั้น ว่าไปแล้วเชอร์รี่ก็โผเข้ากอดเอด้าอีกคนจนลีออนถึงกับหลุดหัวเราะออกมาในความไร้เดียงสาของเธอ



“เข้ามาเร็ว”



เชอร์รี่บอกแต่ลีออนกลับส่ายหัว



“วันนี้ฉันพาคนๆหนึ่งมาให้เธอรู้จัก”


“รีเบคก้า แชมเบอร์!


“รีเบคก้า



เชอร์รี่เอียงคอมองหญิงสาวตัวเล็กๆพอๆกับเธอ ในขณะที่แคลร์แทบจะถลาเข้ามากอดหล่อนเลยก็ว่าได้ ลีออนส่งยิ้มให้กับภาพตรงหน้าก่อนจะก้มลงกระซิบเบาๆที่ข้างหู


“เธอเป็นอดีตหน่วยสตาร์และแพทย์ภาคสนามทีมบราโว่เก่าและที่สำคัญ




“ฉันว่าความรู้สึกของรีเบคก้าไม่ต่างอะไรจากเธอหรอกนะ สาวน้อย”




เอด้าเสริมนั่นยิ่งสร้างความงงให้กับหญิงสาวเป็นอย่างมาก ลีออนส่ายหัวไปมาก่อนจะตรงไปช่วยแคลร์ดูของในครัวเช่นเดียวกับกับเอด้าที่ทิ้งตัวลงนั่งยังโซฟาเพราะเธอเหนื่อยกับการเดินทางมาที่นี่เสียเหลือเกิน ส่วนผู้หญิงที่ชื่อรีเบคก้าเธอดูจะ



“อ่ะ!?


“ยัยหนู! ไม่ระวังเลย” แคลร์เอ่ยดุเชอร์รี่ที่กำลังเหม่อได้ที่ ระหว่างที่หล่อนกำลังปอกแอปเปิ้ล เจ้าของผมสีบลอนด์มองเลือดกับแอปเปิ้ลสลับกันในมือ


“ฉันจัดการเองนะแคลร์”


“ฝากด้วยนะ”



รีเบคก้าพาสาวน้อยที่ตัวเท่าๆกันกับเธอไปล้างแผลและปฐมพยาบาลเบื้องต้นตามสิ่งที่เธอรู้มา หญิงสาวมองเด็กน้อยผมสีบลอนด์ที่ดูท่าทางจะสติหลุดตั้งแต่ที่ถูกของมีคมฝังเข้าให้ที่ปลายนิ้วจนเกิดเป็นทางยาว



“รู้ไหม ฉันเคยเป็นแพทย์ภาคสนาม”



“หือ?” เหมือนกับว่าเชอร์รี่ได้สติคืนมา เธอเบนสายตาขึ้นมามองเจ้าของผมสีน้ำตาลเข้มและดวงตากลมโตกับใบหน้าที่ยิ้มแย้มของรีเบคก้า ระหว่างที่หล่อนกำลังใส่ยาให้


“ตอนที่ฉันกำลังปฏิบัติภารกิจ ฉันปล่อยคนๆหนึ่งหนีไป




“ไปพร้อมๆกับหัวใจฉัน”




เชอร์รี่ชะงัก เธอค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าหวานของหญิงสาวตรงหน้าด้วยสายตาที่มากความรู้สึก สัมผัสสุดท้ายจากปลายนิ้วคือการที่รีเบคกก้าเกลี่ยปลาสเตอร์แปะแผลให้กับเธอ ก่อนจะหันมาสบตาเชอร์รี่ตรงๆ



“และแย่ไปกว่านั้น ฉันเขียนรายงานตำรวจไปว่าเขาเสียชีวิตระหว่างที่เราปฏิบัติภารกิจ”


“ทำไม


“หมอนั่นโดนยัดข้อหาฆ่าคนตาย 23 ศพและกำลังจะถูกนำตัวไปประหาร ถ้าเกิดว่าเขายังอยู่ฉันไม่รู้ว่าคนอื่นๆจะทำเรื่องนี้กับเรายังไง”


“แล้วไม่มีใครสงสัยหรอ??”


“นี่ไงล่ะ สร้อยทหารที่ตายแล้ว”




รีเบคก้าหยิบสร้อยที่เธอริบมาจากบิลลี่ให้กับเชอร์รี่ดู ร่างเล็กผมสีบลอนด์มองมันอย่างสนใจก่อนที่รีเบคก้าจะเอื้อมมือไปลูบผมสีสว่างนั้นเบาๆด้วยความเอ็นดู



“แล้วเธอ


“ฉันเจ็บปวดแต่มันก็คุ้มที่ทำให้เขาพ้นผิดและที่สำคัญ


“หมอนั่นก็รอดชีวิตมาได้ แถมทำงานเป็นทหารรับจ้างในรัฐอื่นและจะบินมาสมทบกับเราในอีกครึ่งชั่วโมง”


“ลีออน!



รีเบคก้าตวาด พร้อมกับเขวี้ยงหมอนใส่หน้าชายหนุ่มที่เดินปากดีออกไป


เชอร์รี่หัวเราะแห้งๆ ใบหน้านั้นเปื้อนยิ้ม ดวงตาเองก็เช่นกันเปื้อนไปด้วยความสุขแต่มันก็เป็นเพียงสิ่งปกปิดความรู้สึกหวั่นไหวที่อยู่ข้างในและแม้ว่าบางที เชอร์รี่จะมีหวังอีกครั้งให้เธอได้มีโอกาสเจอกับเขาอีกก็ตาม



“เขาไม่ได้ตายสักหน่อยที่สำคัญเธอมีความหวังนะเด็กน้อย”



แคลร์เสริม ซึ่งเชอร์รี่รู้ดีว่ามันหมายถึงอะไร


แคลร์เสียคนรักไปเมื่อหลายปีก่อนนั้นในแรคคูณซิตี้ ตอนนี้ไปตามหาคริสพี่ชายของเธอกับผู้ชายที่ชื่อสตีฟ เชอร์รี่ไม่เคยเห็นหน้าและที่สำคัญ ลีออนเล่าว่าเขากล้ามากเหลือเกินกับการสารภาพรักในวินาทีสุดท้ายของชีวิต แถมยังเป็นต่อหน้าคริส เรดฟิลล์อีกต่างหาก









ปาร์ตี้เริ่มขึ้น มื้อค่ำในวันนี้เต็มไปด้วยเรื่องราวของลีออนกับเอด้าที่ไม่ว่าพวกเขาจะรับงานแยกกันกี่ทีเป็นอันต้องมีเรื่องให้ได้เจอกันตลอดเวลา และด้วยนิสัยของหล่อนแล้วมันทำให้ลีออนปล่อยเธอไปไม่ได้จริงๆ แม้ว่าหมอนั่นจะชอบปักธงจีบสาวไปทั่วก็ตาม


น่าหมันไส้สิ้นดี


ออดออด



“ฉันเปิดเอง! ฉันเปิดเอง!


“บางที บ้านฉันก็ไม่ใช่สถานที่นัดบอดนะลีออน”



แคลร์เอ่ยบ่น เมื่อเธอรู้ว่าใครมาถึงหลังจากที่รีเบคก้าทำท่าดีใจจนออกนอกหน้าอาสาไปเปิดประตูทั้งๆที่ไม่ใช่เจ้าบ้านเสียหน่อย หล่อนส่ายหัวไปมาจนเชอร์รี่อดจะยิ้มบางๆไม่ได้



“เดี๋ยวฉันจะไปดูเธอเอง”



ร่างเล็กว่าพร้อมกับลีออนที่ถ่างตาหันไปมองแคลร์ซึ่งกำลังก้มหน้าก้มตากิน



“จะดีหรอ??!


“กินๆไปเถอะน่า”



แคลร์บ่น ก่อนจะมองตามหลังเชอร์รี่ไป ในขณะที่ยัยหนูของเธอเดินออกจากห้องอาหารตรงไปยังหน้าประตูบ้านและก็พบว่ารีเบคก้ากำลังยืนขมวดคิ้วทำหน้างงอยู่ที่ประตู แต่เธอมองไม่เห็นหรอกว่าใครมาเพราะทางเดินเลียบติดไปกับประตูบ้านนั่นเอง



“ใครมาหรอ รีเบคก้า?”



“เอ๋ บิลลี่ของฉันเขาไม่เห็นมีรอยแผลเป็นที่หน้าเลยนี่นา”



“เจค
















สวนหลังบ้าน


ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่กำลังนั่งอยู่ที่ระเบียงเล็กๆทางหลังบ้านกับเจ้าของร่างเล็กผมสีบลอนด์ หลังจากจบมื้อเย็นเชอร์รี่ตัดสินใจออกมานั่งรับลมข้างนอกเพราะเธอคิดว่า แขกที่มาเยี่ยมวันนี้มันเกินความคาดหมายจริงๆยิ่งไปกว่านั้นคือการที่ชายหนุ่มดันตามเธอออกมานั่งปอกเปลือกแอปเปิ้ลเล่นด้วย


ทั้งที่เธอหวังให้เป็นเขามาตลอดแต่ว่า



“มันหนาวนะ เธอจะไม่เข้าบ้านหรือไง”



เจคเป็นฝ่ายเปิดประเด็น ชายหนุ่มค่อยๆใช้มีดพกไล้เปลือกผลไม้ไปเรื่อยๆ โดยไม่เร่งรีบเท่าไหร่นักเพราะเขาต้องการความสวยงามจากมันเสียมากกว่า


หรืออันที่จริง เขาแค่หาอะไรทำเพื่อไม่ให้สายตาได้จ้องร่างบางๆนานเกินไป



“ถ้านายหนาว




เคร้ง!




“ฉันไม่…!




ชายหนุ่มตะโกนเสียงดังพร้อมกับเขวี้ยงมีดลงพื้น เขายกมือขึ้นยีหัวสกินเฮดของตัวเองเบาๆ ก่อนจะหายใจฟึดฟัดแบบที่ชอบทำ ในขณะที่มืออีกข้างก็กำลูกแอปเปิ้ลไว้แน่น บีบมันจนเกือบจะ




“เจค!




เสียงหวานห้ามเขาไว้ก่อนที่จะบีบมันให้แตกคามือ เชอร์รี่หันมามองเขาเต็มๆตาสักที นั่นทำให้ชายหนุ่มถอนหายใจแรงและตัดสินใจเขวี้ยงลูกแอปเปิ้ลออกไปยังสนามหญ้า



“ฉันนึกว่าเธอจะไม่มองหน้าฉันแล้ว



เจ้าของเสียงแหบพร่านั้นพูดเบาๆ พร้อมกับเบนหน้าไปทางอื่น เขาได้ยินเสียงถอนหายใจของเชอร์รี่เบาๆ หญิงสาวนั่งห่างไปจากเค้าไม่ถึงไม่บรรทัดด้วยซ้ำ เจคค่อยๆหันกลับไปหาคนข้างกายเมื่อเขารู้สึกว่าใบหน้าหวานนั้นกำลังมองเขาอยู่



“มีอะร่ะ




จูบ



จูบเบาๆที่ริมฝีปาก เชอร์รี่โน้มใบหน้าไปหาเขา ค้างไว้เนิ่นนานจนเกือบจะหยุดหายใจ แต่หนสุดท้ายเจ้าหล่อนก็ผละมันออก ก่อนจะยกมือขึ้นกุมริมฝีปากตัวเองด้วยท่าทีตกใจ



เราต่างเงียบไป



“ฉะฉันคิดว่าฉันนะ หนาวแล้ว”



เชอร์รี่ตัดสินใจลุกขึ้น เธอกำลังจะตรงกลับเข้าไปภายในบ้านแต่ทว่า ความไวของเจคมีมากกว่าเสมอ ชายหนุ่มคว้าแขนเล็กๆนั่นเอาไว้ โถมตัวใส่เธอจนติดชิดกับผนังบ้าน มืออีกข้างยันกำแพงเอาไว้ในขณะที่ใบหน้าโน้มต่ำก้มลงหาร่างเล็กอย่างรวดเร็ว



มอบจูบที่เร่าร้อนให้กับเธอในทันที



ริมฝีปากเรียวนั้นบดขยี้ปากอิ่มสีชมพูระเรื่อ ดูดดุนเช่นเดียวกันกับร่างน้อยที่จูบตอบกลับเขาอย่างเร่าร้อน แขนอีกข้างที่ไม่ได้ถูกตรึงไว้ของเชอร์รี่กลับคว้าต้นคอของชายหนุ่มเอาไว้แน่น



มันจะเป็นจูบที่แทนความรู้สึกกับหลายเดือนที่ผ่านมา




“อ่ะ”



เจคตัดสินใจอุ้มร่างน้อยนั้นเอาไว้ในอ้อมกอด ก่อนจะพาร่างของเธอตรงดิ่งไปยังห้องนอนทั้งที่ริมฝีปากยังไม่ละออกจากกัน กายเล็กแนบชิดลงกับเตียงอย่างปลอดภัย วงแขนแกร่งที่เคยโอบกอดเธอไว้ในวันที่เจออันตรายยังอบอุ่นไม่เคยเปลี่ยน
เจคกำลังโอบกอดร่างบางของคนที่เขากำลังทนคิดถึงมาเป็นเดือนๆ










02.34 AM



เวลาผ่านไปพร้อมกับบทรักที่จบลง แขนแกร่งถูกใช้แทนหมอนให้เชอร์รี่ได้หนุนนอน ลมหายใจเล็กๆไหลรดอกของเขา ในขณะที่สองแขนก็โอบรอบเอวสอบไว้เช่นเดียวกันกับแขนอีกข้างของเขาที่วางพาดไว้บนเอวบางของเธอ ปลายนิ้วเรียวยาวเขี่ยผมสีบลอนด์สว่างนั้นเล่น


เจคก้มลงจูบที่หน้าผากเล็กเบาๆ


ดวงตากลมสีฟ้าจ้องมองเขา ก่อนที่เธอจะหยัดกายขึ้นจูบลงแผ่วเบาที่ริมฝีปากของเขาแทน



“ตกลงว่าเธอจะไม่พูดอะไรอย่างนั้นหรอ?” เสียงทุ้มเอ่ยถามคนที่ขึ้นมานอนบนตัวเขาแทน หญิงสาวผู้เป็นเด็กน้อยของใครๆ


come on, super girl.



เจคพูดวลีที่เขาเคยใช้เรียกเธอเพราะว่าร่างกายที่พิเศษของเชอร์รี่ มันทำให้เธอกลายเป็นซุปเปอร์เกิร์ลในสายตาเขาและที่สำคัญ มีเพียงเขาเท่านั้นด้วยที่เรียกเธอแบบนี้



“ฉันฉันมีหลายอย่างจะพูด ตะ แต่


“ชู่ว



เจคเอ่ยชิดริมฝีปากนั้น ก่อนที่เขาจะเอื้อมมือมาลูบผมสีสว่างอย่างปลอบโยน



“ฉันคิดถึงเธอ ตลอดเวลา”


ฉัน”



“และฉันก็คิดว่า ฉันควรจะได้เจอเธอเพื่อที่จะได้ระบายความอึดอัดนี้แต่มันไม่เป็นแบบนั้น ทำไมฉันได้รู้สึกมากมายขนาดนี้และ และ


“อยู่กับฉันไหม?”




“นายจะอยู่กับคนที่รักนายไหมเจค?




ดวงตากลมสีฟ้านั้นยังคงจ้องมองมาที่เค้าเช่นเคย แววตาที่เปี่ยมไปด้วยความรู้สึก ชายหนุ่มไม่ตอบอะไรได้แต่จูบตอบริมฝีปากเธอเบาๆพร้อมกับโอบร่างน้อยนั้นไว้แน่น



“นานแล้วนะที่ฉันไม่ได้กอดเธอ”


“แปลว่าที่ผ่านมานายจงใจหรอ!?


“แน่สิ ไม่งั้นลีออนจะทำหวงเธอทำไม”


“ผีย่อมเห็นผีสินะ”


“แต่ตอนนี้ฉันเห็นเธอไม่ใส่อะไรเลยนะ มิสเบอร์กิ้นส์”


“ให้ตายสิเจค!




เสียงถกเถียงนั้นดังออกมาจากห้องนอนของเด็กทั้งสอง ทำให้ลีออนที่ติดเล่นเกมยามดึกกับบิลลี่สั่นหัวไปมาด้วยความหนักใจทันที เขาไม่รู้ว่าอนาคตแคลร์จะต้องรับมือกับอะไรบ้าง หลังจากที่เธอทนเห็นเชอร์รี่ยังคงเศร้าต่อไปไม่ได้ ถึงกับต้องเดินเรื่องเพื่อขออนุญาตให้พาเจค มุลเลอร์มาอยู่ที่นี่ได้



“ฉันได้กลิ่น


“อะไร” ลีออนเอ่ยถามบิลลี่ที่ยกยิ้มมุมปาก


“ได้กลิ่นพ่อ หวงลูกสาว”



“ฮึ ก็นั่นมันยัยหนูของฉันตั้งแต่เล็กๆนี่หว่า” ลีออนว่าขำๆมองไปยังชั้นสองของบ้าน เขารู้ว่าเชอร์รี่จะปลอดภัยที่มีเจค แต่สำหรับแคลร์ เธอคงจะลำบากเอาการทีเดียว






















THE END

1 ความคิดเห็น:

  1. ชอบคู่นี้มากกกกกกเลย><
    สนุกดี อยากให้แต่งต่อนะค่ะ^^

    ตอบลบ