AFTER
JAKE MULLER x SHERRY
BIRKINS
FICTION RESIDENT EVIL
Author: adayinjune
………………………………………………………
รัฐแคลิฟอร์เนีย เทือกเขาสูง, 2013
บ้านไม้สีเข้มตั้งตระหง่านอยู่บนหุบเขาใจกลางทุ่งหญ้าและป่าไม้สีเขียวขจี
ท่ามกลางความสงบที่ปกคลุมด้วยธรรมชาติและดื่มด่ำกับช่วงเวลาเงียบสงัดเหมาะแก่การพักผ่อน
สวรรค์ของใครหลายคนสำหรับโลกใบนี้ที่กำลังเต็มไปด้วยผู้ติดเชื้อ…
เรื่องทั้งหมดเริ่มต้นขึ้นเมื่อนานมาแล้ว
คนทรยศและคนเลวหลายคนยังสามารถมีชีวิตได้อยู่พร้อมๆไปกับการพัฒนาของไวรัส
โลกนี้กำลังถูกปกคลุมด้วยขุมนรกขุมใหม่
และสำคัญไปกว่านั้นแน่นอนว่าพื้นที่บริสุทธิ์บนผืนดินของเรานี้กลายเป็นสิ่งที่หาได้ยากเหลือเกิน
หรือที่เรียกอีกอย่างว่า ‘เขตปลอดเชื้อ’
แต่โชคดีที่แคลิฟอร์เนียร์เองก็เป็นหนึ่งในนั้น
พื้นที่หลายหุบเขาถูกล้อมรอบด้วยสนามแม่เหล็กไฟฟ้าในระยะหลายพันไมล์
รวมไปถึงชั้นบรรยากาศเช่นกัน ระบบป้องกันของเราทำมาจากพลังสนามแม่เหล็กแรงสูง
ปกป้องมนุษย์บริสุทธิ์ที่เหลือรอดอยู่ไว้ที่นี่ ถึงบางครั้งมันอาจจะเหมือนกับการที่เราถูกขังไว้ด้วยกรงล่องหน
แต่กรงนี้ก็คือความปลอดภัยสูงสุดเช่นกัน
“เชอร์รี่ เบอร์กิ้นส์!”
หญิงสาวตัวเล็กผมสีบลอนด์สะดุ้งน้อยๆ
เมื่อใครบางคนเอ่ยเรียกชื่อเธอ
เจ้าของร่างเล็กนั้นลุกขึ้นจากสนามหญ้าหน้าบ้านมองดูรถกระบะคันใหญ่พร้อมกับเจ้าของร่างสะโอดสะองของใครบางคนที่ลงมาจากรถด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า
“ไปเดี๋ยวนี้แหล่ะแคลร์!”
แคลร์ เรดฟิลล์
หญิงสาวที่เริ่มลามือจากวงการภายนอกและใช้ชีวิตเงียบๆที่นี่
หล่อนเป็นเหมือนผู้ปกครองของเชอร์รี่หลังจากเหตุการณ์วันนั้นที่หลานเชียงในประเทศจีน
จบเรื่องแล้วเชอร์รี่ตัดสินใจถอนตัวออกจากหน่วยงานรักษาความมั่นคงของชาติ
พร้อมกับข้อเสนอของคริสพี่ชายของแคลร์ คือการให้เธอมาอยู่ที่นี่
และแม้ว่าการตัดสินใจในครั้งนี้จะนำความสงบสุขกลับมาสู่เธอแต่ทว่า…
หัวใจของเธอมันไม่เป็นเช่นนั้น
“อ้ะ…!”
ตุ้บ!?
“ระวังหน่อยเชอร์รี่ มันจะช้ำเอาได้นะ”
แคลร์ว่ายิ้มๆ
พร้อมกับหยิบลูกแอปเปิ้ลสีแดงขึ้นมาถือไว้ในมือแล้วเดินเข้าบ้านไป เมื่อเชอร์รี่ทำมันตกเมื่อสักครู่นี้
ดวงตาสีฟ้าสดใสหม่นหมองลงในทันทีเมื่อเธอเห็นผลไม้ชิดนี้…
แต่ถึงแบบนั้นหญิงสาวก็รีบสะบัดหัวไล่ความคิดนั้นออกไป
ก่อนจะตรงเข้าไปยังบ้านของเธอทันที
บ้านไม้ขนาดใหญ่
ใหญ่กว่าบ้านทุกหลังที่ตั้งอยู่ที่นี่เพราะได้รับการอุปถัมภ์จากหน่วยงานบีเอสเอเอของคริส
เพราะพวกเขาสามารถกลับมาพักผ่อนได้หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจแล้ว
หลายครั้งที่เชอร์รี่มักจะมีแขกที่ทำให้เธอแปลกใจบ่อยๆแต่ทว่า…
ในใจเธอยังหวังลึกๆ
ว่าแขกผู้มาเยือนอาจจะเป็นคนที่เธอคิดบ้าง
“วันนี้มีปาร์ตี้หรอ?”
เชอร์รี่เอ่ยถามแคลร์ที่ที่ครางเสียงเบาในลำคอตอบรับ
ระหว่างที่เธอยกของไปเก็บและแน่นอนว่าคืนนี้ก็คงเป็นเหมือนเคยมีแขกที่ทำให้เธอแปลกใจโดยที่แคลร์ไม่เอ่ยปากบอกเธอเลย
“บางทีเธอน่าจะบอกฉันบ้างว่าใครมาเยี่ยมเรา”
เชอร์รี่เอ่ยถามแคลร์ที่หลุดหัวเราะออกมาทันที หญิงสาวละจากการจัดการอาหารตรงหน้าหันมาส่งยิ้มให้เชอร์รี่
“ตอนนั้นเธอยังเด็กเกินกว่าที่จะรู้ว่าใครเป็นใครนะ”
“สิบสองขวบน่ะหรอ”
ออด… ออด…
“ไปเปิดประตูเถอะน่า”
แคลร์บอกปัดยัยตัวเล็กของเธอแทน
ก่อนที่จะหันกลับไปจัดการมื้อเย็นในครัวต่อ แน่นอนว่าทันทีที่ประตูเปิดออกเชอร์รี่ก็แทบจะถลาเข้าหาผู้มาเยือนคนใหม่คนนี้ทันที
“ลีออน!”
“เฮ้ๆ เย็นไว้แม่หนู นั่นของฉัน”
เอด้าเอ่ยบอกยัยตัวเล็กที่โผเข้ากอดแฟนหนุ่มของเธออย่างเกินหน้าเกินตาถึงจะรู้ว่าเด็กคนนี้มีใครในใจแล้วก็ตาม
แต่หล่อนก็เพียงแค่เอ่ยหยอกเท่านั้น ว่าไปแล้วเชอร์รี่ก็โผเข้ากอดเอด้าอีกคนจนลีออนถึงกับหลุดหัวเราะออกมาในความไร้เดียงสาของเธอ
“เข้ามาเร็ว”
เชอร์รี่บอกแต่ลีออนกลับส่ายหัว
“วันนี้ฉันพาคนๆหนึ่งมาให้เธอรู้จัก”
“รีเบคก้า แชมเบอร์!”
“รีเบคก้า…”
เชอร์รี่เอียงคอมองหญิงสาวตัวเล็กๆพอๆกับเธอ
ในขณะที่แคลร์แทบจะถลาเข้ามากอดหล่อนเลยก็ว่าได้
ลีออนส่งยิ้มให้กับภาพตรงหน้าก่อนจะก้มลงกระซิบเบาๆที่ข้างหู
“เธอเป็นอดีตหน่วยสตาร์และแพทย์ภาคสนามทีมบราโว่เก่าและที่สำคัญ…”
“…”
“ฉันว่าความรู้สึกของรีเบคก้าไม่ต่างอะไรจากเธอหรอกนะ
สาวน้อย”
เอด้าเสริมนั่นยิ่งสร้างความงงให้กับหญิงสาวเป็นอย่างมาก
ลีออนส่ายหัวไปมาก่อนจะตรงไปช่วยแคลร์ดูของในครัวเช่นเดียวกับกับเอด้าที่ทิ้งตัวลงนั่งยังโซฟาเพราะเธอเหนื่อยกับการเดินทางมาที่นี่เสียเหลือเกิน
ส่วนผู้หญิงที่ชื่อรีเบคก้าเธอดูจะ…
“อ่ะ!?”
“ยัยหนู! ไม่ระวังเลย”
แคลร์เอ่ยดุเชอร์รี่ที่กำลังเหม่อได้ที่ ระหว่างที่หล่อนกำลังปอกแอปเปิ้ล
เจ้าของผมสีบลอนด์มองเลือดกับแอปเปิ้ลสลับกันในมือ…
“ฉันจัดการเองนะแคลร์”
“ฝากด้วยนะ”
รีเบคก้าพาสาวน้อยที่ตัวเท่าๆกันกับเธอไปล้างแผลและปฐมพยาบาลเบื้องต้นตามสิ่งที่เธอรู้มา
หญิงสาวมองเด็กน้อยผมสีบลอนด์ที่ดูท่าทางจะสติหลุดตั้งแต่ที่ถูกของมีคมฝังเข้าให้ที่ปลายนิ้วจนเกิดเป็นทางยาว
“รู้ไหม ฉันเคยเป็นแพทย์ภาคสนาม”
“หือ?” เหมือนกับว่าเชอร์รี่ได้สติคืนมา
เธอเบนสายตาขึ้นมามองเจ้าของผมสีน้ำตาลเข้มและดวงตากลมโตกับใบหน้าที่ยิ้มแย้มของรีเบคก้า
ระหว่างที่หล่อนกำลังใส่ยาให้
“ตอนที่ฉันกำลังปฏิบัติภารกิจ
ฉันปล่อยคนๆหนึ่งหนีไป…”
“…”
“ไปพร้อมๆกับหัวใจฉัน”
เชอร์รี่ชะงัก
เธอค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าหวานของหญิงสาวตรงหน้าด้วยสายตาที่มากความรู้สึก
สัมผัสสุดท้ายจากปลายนิ้วคือการที่รีเบคกก้าเกลี่ยปลาสเตอร์แปะแผลให้กับเธอ
ก่อนจะหันมาสบตาเชอร์รี่ตรงๆ
“และแย่ไปกว่านั้น
ฉันเขียนรายงานตำรวจไปว่าเขาเสียชีวิตระหว่างที่เราปฏิบัติภารกิจ”
“ทำไม…”
“หมอนั่นโดนยัดข้อหาฆ่าคนตาย 23 ศพและกำลังจะถูกนำตัวไปประหาร
ถ้าเกิดว่าเขายังอยู่ฉันไม่รู้ว่าคนอื่นๆจะทำเรื่องนี้กับเรายังไง”
“แล้วไม่มีใครสงสัยหรอ??”
“นี่ไงล่ะ สร้อยทหารที่ตายแล้ว”
รีเบคก้าหยิบสร้อยที่เธอริบมาจากบิลลี่ให้กับเชอร์รี่ดู
ร่างเล็กผมสีบลอนด์มองมันอย่างสนใจก่อนที่รีเบคก้าจะเอื้อมมือไปลูบผมสีสว่างนั้นเบาๆด้วยความเอ็นดู
“แล้วเธอ…”
“ฉันเจ็บปวดแต่มันก็คุ้มที่ทำให้เขาพ้นผิดและที่สำคัญ…”
“หมอนั่นก็รอดชีวิตมาได้ แถมทำงานเป็นทหารรับจ้างในรัฐอื่นและจะบินมาสมทบกับเราในอีกครึ่งชั่วโมง”
“ลีออน!”
รีเบคก้าตวาด
พร้อมกับเขวี้ยงหมอนใส่หน้าชายหนุ่มที่เดินปากดีออกไป
เชอร์รี่หัวเราะแห้งๆ ใบหน้านั้นเปื้อนยิ้ม
ดวงตาเองก็เช่นกันเปื้อนไปด้วยความสุขแต่มันก็เป็นเพียงสิ่งปกปิดความรู้สึกหวั่นไหวที่อยู่ข้างในและแม้ว่าบางที
เชอร์รี่จะมีหวังอีกครั้งให้เธอได้มีโอกาสเจอกับเขาอีกก็ตาม…
“เขาไม่ได้ตายสักหน่อย… ที่สำคัญเธอมีความหวังนะเด็กน้อย”
แคลร์เสริม ซึ่งเชอร์รี่รู้ดีว่ามันหมายถึงอะไร…
แคลร์เสียคนรักไปเมื่อหลายปีก่อนนั้นในแรคคูณซิตี้
ตอนนี้ไปตามหาคริสพี่ชายของเธอกับผู้ชายที่ชื่อสตีฟ
เชอร์รี่ไม่เคยเห็นหน้าและที่สำคัญ
ลีออนเล่าว่าเขากล้ามากเหลือเกินกับการสารภาพรักในวินาทีสุดท้ายของชีวิต
แถมยังเป็นต่อหน้าคริส เรดฟิลล์อีกต่างหาก
ปาร์ตี้เริ่มขึ้น
มื้อค่ำในวันนี้เต็มไปด้วยเรื่องราวของลีออนกับเอด้าที่ไม่ว่าพวกเขาจะรับงานแยกกันกี่ทีเป็นอันต้องมีเรื่องให้ได้เจอกันตลอดเวลา
และด้วยนิสัยของหล่อนแล้วมันทำให้ลีออนปล่อยเธอไปไม่ได้จริงๆ
แม้ว่าหมอนั่นจะชอบปักธงจีบสาวไปทั่วก็ตาม
น่าหมันไส้สิ้นดี
ออด… ออด…
“ฉันเปิดเอง! ฉันเปิดเอง!”
“บางที บ้านฉันก็ไม่ใช่สถานที่นัดบอดนะลีออน”
แคลร์เอ่ยบ่น
เมื่อเธอรู้ว่าใครมาถึงหลังจากที่รีเบคก้าทำท่าดีใจจนออกนอกหน้าอาสาไปเปิดประตูทั้งๆที่ไม่ใช่เจ้าบ้านเสียหน่อย
หล่อนส่ายหัวไปมาจนเชอร์รี่อดจะยิ้มบางๆไม่ได้
“เดี๋ยวฉันจะไปดูเธอเอง”
ร่างเล็กว่าพร้อมกับลีออนที่ถ่างตาหันไปมองแคลร์ซึ่งกำลังก้มหน้าก้มตากิน
“จะดีหรอ??!”
“กินๆไปเถอะน่า”
แคลร์บ่น ก่อนจะมองตามหลังเชอร์รี่ไป
ในขณะที่ยัยหนูของเธอเดินออกจากห้องอาหารตรงไปยังหน้าประตูบ้านและก็พบว่ารีเบคก้ากำลังยืนขมวดคิ้วทำหน้างงอยู่ที่ประตู
แต่เธอมองไม่เห็นหรอกว่าใครมาเพราะทางเดินเลียบติดไปกับประตูบ้านนั่นเอง
“ใครมาหรอ รีเบคก้า?”
“เอ๋…
บิลลี่ของฉันเขาไม่เห็นมีรอยแผลเป็นที่หน้าเลยนี่นา”
“เจค…”
สวนหลังบ้าน…
ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่กำลังนั่งอยู่ที่ระเบียงเล็กๆทางหลังบ้านกับเจ้าของร่างเล็กผมสีบลอนด์
หลังจากจบมื้อเย็นเชอร์รี่ตัดสินใจออกมานั่งรับลมข้างนอกเพราะเธอคิดว่า
แขกที่มาเยี่ยมวันนี้มันเกินความคาดหมายจริงๆ… ยิ่งไปกว่านั้นคือการที่ชายหนุ่มดันตามเธอออกมานั่งปอกเปลือกแอปเปิ้ลเล่นด้วย
ทั้งที่เธอหวังให้เป็นเขามาตลอดแต่ว่า…
“มันหนาวนะ เธอจะไม่เข้าบ้านหรือไง”
เจคเป็นฝ่ายเปิดประเด็น
ชายหนุ่มค่อยๆใช้มีดพกไล้เปลือกผลไม้ไปเรื่อยๆ
โดยไม่เร่งรีบเท่าไหร่นักเพราะเขาต้องการความสวยงามจากมันเสียมากกว่า
หรืออันที่จริง
เขาแค่หาอะไรทำเพื่อไม่ให้สายตาได้จ้องร่างบางๆนานเกินไป
“ถ้านายหนาว…”
เคร้ง!
“ฉันไม่…!”
ชายหนุ่มตะโกนเสียงดังพร้อมกับเขวี้ยงมีดลงพื้น
เขายกมือขึ้นยีหัวสกินเฮดของตัวเองเบาๆ ก่อนจะหายใจฟึดฟัดแบบที่ชอบทำ
ในขณะที่มืออีกข้างก็กำลูกแอปเปิ้ลไว้แน่น บีบมันจนเกือบจะ…
“เจค!”
เสียงหวานห้ามเขาไว้ก่อนที่จะบีบมันให้แตกคามือ
เชอร์รี่หันมามองเขาเต็มๆตาสักที นั่นทำให้ชายหนุ่มถอนหายใจแรงและตัดสินใจเขวี้ยงลูกแอปเปิ้ลออกไปยังสนามหญ้า
“ฉันนึกว่าเธอจะไม่มองหน้าฉันแล้ว…”
เจ้าของเสียงแหบพร่านั้นพูดเบาๆ
พร้อมกับเบนหน้าไปทางอื่น เขาได้ยินเสียงถอนหายใจของเชอร์รี่เบาๆ
หญิงสาวนั่งห่างไปจากเค้าไม่ถึงไม่บรรทัดด้วยซ้ำ เจคค่อยๆหันกลับไปหาคนข้างกายเมื่อเขารู้สึกว่าใบหน้าหวานนั้นกำลังมองเขาอยู่
“มีอะร่ะ…”
จูบ…
จูบเบาๆที่ริมฝีปาก เชอร์รี่โน้มใบหน้าไปหาเขา
ค้างไว้เนิ่นนานจนเกือบจะหยุดหายใจ แต่หนสุดท้ายเจ้าหล่อนก็ผละมันออก
ก่อนจะยกมือขึ้นกุมริมฝีปากตัวเองด้วยท่าทีตกใจ…
เราต่างเงียบไป…
“ฉะ…ฉันคิดว่าฉันนะ หนาวแล้ว”
เชอร์รี่ตัดสินใจลุกขึ้น
เธอกำลังจะตรงกลับเข้าไปภายในบ้านแต่ทว่า ความไวของเจคมีมากกว่าเสมอ
ชายหนุ่มคว้าแขนเล็กๆนั่นเอาไว้ โถมตัวใส่เธอจนติดชิดกับผนังบ้าน
มืออีกข้างยันกำแพงเอาไว้ในขณะที่ใบหน้าโน้มต่ำก้มลงหาร่างเล็กอย่างรวดเร็ว
มอบจูบที่เร่าร้อนให้กับเธอในทันที…
ริมฝีปากเรียวนั้นบดขยี้ปากอิ่มสีชมพูระเรื่อ
ดูดดุนเช่นเดียวกันกับร่างน้อยที่จูบตอบกลับเขาอย่างเร่าร้อน
แขนอีกข้างที่ไม่ได้ถูกตรึงไว้ของเชอร์รี่กลับคว้าต้นคอของชายหนุ่มเอาไว้แน่น…
มันจะเป็นจูบที่แทนความรู้สึกกับหลายเดือนที่ผ่านมา
“อ่ะ”
เจคตัดสินใจอุ้มร่างน้อยนั้นเอาไว้ในอ้อมกอด
ก่อนจะพาร่างของเธอตรงดิ่งไปยังห้องนอนทั้งที่ริมฝีปากยังไม่ละออกจากกัน
กายเล็กแนบชิดลงกับเตียงอย่างปลอดภัย
วงแขนแกร่งที่เคยโอบกอดเธอไว้ในวันที่เจออันตรายยังอบอุ่นไม่เคยเปลี่ยน
เจคกำลังโอบกอดร่างบางของคนที่เขากำลังทนคิดถึงมาเป็นเดือนๆ…
02.34 AM
เวลาผ่านไปพร้อมกับบทรักที่จบลง
แขนแกร่งถูกใช้แทนหมอนให้เชอร์รี่ได้หนุนนอน ลมหายใจเล็กๆไหลรดอกของเขา
ในขณะที่สองแขนก็โอบรอบเอวสอบไว้เช่นเดียวกันกับแขนอีกข้างของเขาที่วางพาดไว้บนเอวบางของเธอ
ปลายนิ้วเรียวยาวเขี่ยผมสีบลอนด์สว่างนั้นเล่น…
เจคก้มลงจูบที่หน้าผากเล็กเบาๆ…
ดวงตากลมสีฟ้าจ้องมองเขา
ก่อนที่เธอจะหยัดกายขึ้นจูบลงแผ่วเบาที่ริมฝีปากของเขาแทน
“ตกลงว่าเธอจะไม่พูดอะไรอย่างนั้นหรอ?”
เสียงทุ้มเอ่ยถามคนที่ขึ้นมานอนบนตัวเขาแทน หญิงสาวผู้เป็นเด็กน้อยของใครๆ
“come on, super girl.”
เจคพูดวลีที่เขาเคยใช้เรียกเธอเพราะว่าร่างกายที่พิเศษของเชอร์รี่
มันทำให้เธอกลายเป็นซุปเปอร์เกิร์ลในสายตาเขาและที่สำคัญ
มีเพียงเขาเท่านั้นด้วยที่เรียกเธอแบบนี้
“ฉัน… ฉันมีหลายอย่างจะพูด ตะ แต่…”
“ชู่ว…”
เจคเอ่ยชิดริมฝีปากนั้น
ก่อนที่เขาจะเอื้อมมือมาลูบผมสีสว่างอย่างปลอบโยน
“ฉันคิดถึงเธอ ตลอดเวลา”
“…ฉัน”
“และฉันก็คิดว่า
ฉันควรจะได้เจอเธอเพื่อที่จะได้ระบายความอึดอัดนี้แต่มันไม่เป็นแบบนั้น
ทำไมฉันได้รู้สึกมากมายขนาดนี้และ และ…”
“อยู่กับฉันไหม?”
“…”
“นายจะอยู่กับคนที่รักนายไหมเจค?”
ดวงตากลมสีฟ้านั้นยังคงจ้องมองมาที่เค้าเช่นเคย
แววตาที่เปี่ยมไปด้วยความรู้สึก
ชายหนุ่มไม่ตอบอะไรได้แต่จูบตอบริมฝีปากเธอเบาๆพร้อมกับโอบร่างน้อยนั้นไว้แน่น
“นานแล้วนะที่ฉันไม่ได้กอดเธอ”
“แปลว่าที่ผ่านมานายจงใจหรอ!?”
“แน่สิ ไม่งั้นลีออนจะทำหวงเธอทำไม”
“ผีย่อมเห็นผีสินะ”
“แต่ตอนนี้ฉันเห็นเธอไม่ใส่อะไรเลยนะ
มิสเบอร์กิ้นส์”
“ให้ตายสิเจค!”
เสียงถกเถียงนั้นดังออกมาจากห้องนอนของเด็กทั้งสอง
ทำให้ลีออนที่ติดเล่นเกมยามดึกกับบิลลี่สั่นหัวไปมาด้วยความหนักใจทันที
เขาไม่รู้ว่าอนาคตแคลร์จะต้องรับมือกับอะไรบ้าง หลังจากที่เธอทนเห็นเชอร์รี่ยังคงเศร้าต่อไปไม่ได้
ถึงกับต้องเดินเรื่องเพื่อขออนุญาตให้พาเจค มุลเลอร์มาอยู่ที่นี่ได้
“ฉันได้กลิ่น…”
“อะไร” ลีออนเอ่ยถามบิลลี่ที่ยกยิ้มมุมปาก
“ได้กลิ่นพ่อ หวงลูกสาว”
“ฮึ ก็นั่นมันยัยหนูของฉันตั้งแต่เล็กๆนี่หว่า”
ลีออนว่าขำๆมองไปยังชั้นสองของบ้าน เขารู้ว่าเชอร์รี่จะปลอดภัยที่มีเจค
แต่สำหรับแคลร์ เธอคงจะลำบากเอาการทีเดียว…
THE END
ชอบคู่นี้มากกกกกกเลย><
ตอบลบสนุกดี อยากให้แต่งต่อนะค่ะ^^