วันพฤหัสบดีที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

SF: FELLING { BILLY x REBECCA }




FEELING

BILLY COEN x REBECCA CHAMBERS

 FICTION RESIDENT EVIL


Author: adayinjune


………………………………………………………




                ความรู้สึก



มันเป็นเรื่องค่อนข้างแย่ เมื่อเราเข้าใจว่ามันสายเกินไปที่จะรั้งสิ่งที่มองไม่เห็นไว้กับเราได้ ความรักมันคงเป็นเรื่องน่าขันไม่น้อย สำหรับคนที่ได้ฟังเรื่องต่อไปนี้ของสาวตัวเล็กผมสีน้ำตาลเข้ม ดวงตากลมโตสีน้ำตาล เธอเป็นคนน่ารักทะมัดทะแมงและยังหัวไวอีกด้วย



รีเบคก้า แชมเบอร์



เคยทำงานเป็นแพทย์ภาคสนามและเป็นสมาชิกที่อายุน้อยที่สุดของหน่วยสตาร์ นอกจากนี้ยังเป็นหนึ่งในผู้รอดชีวิตอีกด้วย แม้ว่าสวรรค์จะดลบันดาลให้เธอมีลมหายใจสู้ต่อกับโลกที่โหดร้ายคล้ายนรก แต่เขาก็พรากเอาสิ่งๆหนึ่งไปจากเธอ สิ่งที่เป็น



ความรู้สึกรัก







[ขณะนี้หน่วยงานบีเอเอสเอสจะนำเครื่องลงจอดที่ดาดฟ้าทางทิศตะวันออกในอีก 10 นาที]



“เข้าใจแล้ว!



หญิงสาวตอบเสียงหนัก พร้อมกับจับปืนอันเล็กเล็กไว้แน่น ก่อนจะกระโดดข้ามตึกจากอีกตึกไปยังบริเวณที่ได้รับข้อความ การปฏิบัติภารกิจของเธอกำลังจะสิ้นสุดลง โชคดีที่ระยะห่างของตึกไม่มากนัก เพราะไม่อย่างนั้นก็คงเท่ากับเธอเอาชีวิตไปทิ้งไว้ที่นั่น



[เหลือเวลาอีก 4 นาที ก่อนที่ตึกทางทิศใต้จะระเบิด]



“ฟู่ว”



เจ้าของร่างเล็กถอนหายใจ มองลงไปยังเมืองรกร้างที่เต็มไปด้วยพวกมันทุกที่ ทุกซอกทุกมุม การทำงานของเธอสิ้นสุดลงและในแต่ละครั้งก็เหมือนกับว่าแถบพลังชีวิตลดลงด้วยเช่นกัน



“คราวหน้า ถ้าจะเอาฉันมาเสี่ยง ขอร้องว่าให้เสี่ยงตายน้อยกว่านี้”



“จากนี้ท่านผบ.คงให้คุณได้พักร้อนยาวแล้วล่ะครับ”


“ขอให้จริง”



รีเบคก้าสั่นหัวไปมาพร้อมรอยยิ้ม เมื่อนักบินที่บินมารับเธอตอบกลับมาด้วยท่าทางอารมณ์ดี ถึงเขาจะเป็นคนขับฮอล์แต่ก็ไม่ปฏิเสธเลยว่ามีสิทธิ์มาที่จะถูกพวกมันซึ่งพัฒนาไปเรื่อยๆสอยร่วงเอาได้



รอดมาได้ก็ดีถมเถ

















อเมริกาเหนือ หน่วยงาน B.S.A.A., 2013



“ไง ท่านผบ.



เสียงหวานเอ่ยทักทายชายหนุ่มที่อยู่ในชุดเต็มเครื่องแบบแม้ว่าฐานทัพของเราจะต้องกบดานเพื่อให้ปลอดภัยจากพวกติดเชื้อก็ตาม หญิงสาวในร่างมอมแมมเดินเข้ามาถอนหายใจใส่ในห้องของผู้บังคับบัญชาสูงสุดแห่งหน่วยงานสำคัญอย่างบีเอเอสเอส



“ตลกนักหรือไง มิสแชมเบอร์”




ผู้ชายสูงอายุหน้าเคร่งเครียดเอ่ยถามเธอและหากว่าชายตรงหน้าไม่ใช่คนสนิท รีเบคก้าคงไม่ทำตัวแบบนี้หญิงสาวยิ้มร่าเริง ก่อนจะหยิบชิพในกระเป๋าเสื้อของเธอวางไว้บนโต๊ะทำงานแล้วตะเบ๊ะท่าตามประสาคนขี้เล่น



“นี่คือข้อมูลองค์กรลับที่เรารวบรวมได้ในรัฐหนึ่งของจีน หลังจากนี้ฉันขอลางานยาวๆสักห้าหกเดือน”


“ฮ่ะๆ งานนี้มันทำเธอเกือบเอาชีวิตไม่รอดสินะ”


“ฉันเสี่ยงตายหลายเดือนเพื่อแลกข้อมูลนี้ให้คุณนะ อ้อแล้วก็ส่งเครื่องบินไปกลับให้ฉันที่แคลิฟอร์เนียสักลำสองลำเถอะ”


“ได้ครับ คุณผู้หญิง”



ชายหนุ่มว่าพร้อมกับส่ายหัวเมื่อหล่อนเดินจากไปเสียที



จากอเมริกาเหนือ สถานที่ทำงานอันเป็นที่แบกหน้าและสภาพที่ดูไม่ได้กลับไปรายงานตัว รีเบคก้าคิดว่าเธอควรจะวางมือเสียที ตั้งแต่เรื่องหลายปีก่อนที่แรคคูณซิตี้และใครบางคน



ใครบางคนที่เธอมักจะโทษตัวเองอยู่เสมอว่าไม่ควรปล่อยเขาไป







เรือดำน้ำของหน่วยงานพาเธอมาส่งยังหมู่เกาะฮาวาย เกาะที่ถูกคุ้มกันอย่างดีจากเชื้อไวรัส รวมถึงขยายเกาะเพื่อใช้สำหรับเป็นที่อยู่อาศัยและคงความอุดมสมบูรณ์ไว้มากที่สุด ที่นี่คือ บ้านของเธอ หลังจากโลกไม่เหลือความบริสุทธิ์ให้เราอีกแล้ว



บ้านริมทะเลหลังเล็กไม่ใหญ่มากสำหรับอยู่คนเดียวคือที่พักของรีเบคก้า การขอพักงานหกเดือนจากการเอาชีวิตไปเสี่ยงที่จีนมันทำให้เธอรู้สึกเบื่อเมื่อต้องนอนนิ่งๆ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าบนโลกใบนี้เรายังสงวนที่บริสุทธิ์ไว้สำหรับหายใจอีกมากและแน่นอนว่า



อย่างน้อยก็ต้องมีคนรู้จักของเธอเหลืออยู่





RRRRR



“ไง” รีเบคก้ารับสายโทร.เข้าของเธอ ก่อนจะมองวิดิโอคอล ซึ่งคนโทร.มาก็คงไม่ใช่ใครนอกจากคริส เรดฟิลล์ที่อยู่ในสภาพเกือบจะดูไม่ได้ แทบจะไม่ต้องบอกเลยว่าเขาเองก็คงฟัดกับอะไรบางอย่างทั้งวี่ทั้งวันที่จีนเช่นกัน


[ฝากความคิดถึงของฉันให้แคลร์ด้วย]


“นายหายไปตั้งนาน ฉันนึกว่านาย


[เด็กนี่ฉันต้องวางก่อน ชีวิตมันเรียกร้อง]



“ฮึ”




รีเบคก้ายิ้มมุมปาก มองเพื่อนร่วมงานของเธอก่อนจะเดินเข้าไปในบ้านพักเรียบๆ ห้องนอน ห้องนั่งเล่นถูกจัดไว้ด้วยกัน มีห้องครัวกับห้องน้ำและห้องทำงานที่แยกออกไป ส่วนรวมแล้วถึงมันจะเล็กแต่มันก็กว้างสำหรับผู้หญิงตัวเล็กๆซึ่งอยู่



หมับ!



“บิลลี่!?



รีเบคก้ากลืนความคิดน้อยเนื้อต่ำใจลงคอไปทันที เมื่อวงแขนกว้างที่พาดยาวด้วยรอยสักด้านขวาโอบกอดรัดร่างน้อยของเธอจนตัวลอยจากพื้น อันที่จริงเธอไม่ได้อยู่คนเดียวที่นี่หรอกแต่เพราะเรามีหน้าที่และงานที่ต่างคนต่างต้องรับผิดชอบซึ่งบางทีรีเบคก้าก็จะนึกว่าเธอกลับมาอยู่คนเดียว เหมือนช่วงที่กลับมาจากภารกิจแรกของตัวเอง 



ร่างน้อยลอยหวืดขึ้น พร้อมกับใบหน้าหล่อที่แนบลงแก้มใส เสียงทุ้มเอ่ยซิบอยู่ไม่ไกล ซึ่งเธอได้ยินมันชัดเจนดี ดวงตากลมกระพริบปริบๆสองสามที



“เซอร์ไพร้ส์หรอ?”


“ปล่อยฉันลงน่า


“แมวเหมียวของฉันไม่อยู่บ้านตั้งนาน ไปอาบน้ำกันดีกว่า”



ชายหนุ่มตัวโตไม่ได้สนใจคำทักท้วงนั่นเท่าไหร่นัก เขากลับอุ้มสาวน้อยที่เรียกว่า แมวเหมียวตรงไปยังห้องน้ำทันที อ่างอาบน้ำขนาดสี่คนถูกเปิดน้ำใส่ทันที ที่เขาวางร่างน้อยให้เท้าแตะพื้น ผู้ชายร่างสูงใหญ่ กล้ามเป็นมัดและผมสีดำขลับของเขา บวกกับใบหน้าหล่อเหลาที่ไม่ได้ทำให้ดูแก่ลงไปเลยสักนิด


นี่ผู้ชายอายุ 41 จริงๆหรือเนี่ย



"แมวเหมียวเธอนินทาฉันหรือ?"


"เปล่าสักหน่อย แค่แอบคิดว่าคนมีอายุเขานิยมเลี้ยงลูกแมวด้วยหรอ" รีเบคก้ากอดอกมองชายหนุ่มที่ถอดเสื้อกล้ามของเขออกก่อนจะเดินตรงมาหาเธอด้วยรอยยิ้มประดุจเสือร้าย...


"ลูกแมวเด็กๆ..."






บิลลี่ โคเอน


ชายหนุ่มที่ไม่เคยตายเขาได้รับฉายาแบบนั้นหลังจากที่ถูกหน่วยงานบีเอสเอเอจับได้ภายหลังและรายงานการสืบสวนของรีเบคก้าก็เป็นเรื่องโกหก แน่นอน


เขาคือคนที่เธอหมายถึงตลอดมา


ชายหนุ่มที่เธอปล่อยให้หนีไปพร้อมๆกับหัวใจของเธอ




แต่นับว่าโชคดีที่เราค้นและสืบประวัติเขาอย่างละเอียดจนพบว่าการฆ่าคน 23 ศพนั้นไม่ใช่เรื่องจริงและก็เช่นกันไม่น่าเชื่อว่าหลังจากที่เขากลับมา ความซาบซึ้งใจจะค่อยๆเกาะกินความรู้สึกทันที เมื่อชายหนุ่มมองเห็นหญิงสาวซึ่งมุ่งมั่นเหลือเกินกับการทำให้เขารอดจากคดีนี้


ในช่วงเวลานั้นรีเบคก้ามักจะโทษตัวเองเสมอเกี่ยวกับบางเรื่องที่เขาปล่อยเธอไป


นั่นทำให้เธอต้องช่วยทีมสืบค้นประวัติอาชญากรรมที่แท้จริงเพื่อช่วยให้บิลลี่ไม่ต้องเป็นแพะรับบาป...


หนสุดท้ายมันเกิดเป็นความรัก



ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ แต่บิลลี่ก็ยอมรับความรู้สึกนั้นที่เขามีต่อหญิงสาว ความตั้งใจ ความมีน้ำใจและรอยยิ้มของเธอ ทุกอย่างที่เป็นเธอ ทำให้เขาหลงรัก



“นายมันตาเฒ่า”



เสียงใสๆของรีเบคก้าดังขึ้น จนบิลลี่ชะงัก


เขากำลังจัดการเสื้อผ้าของแมวเหมียวตรงหน้าอยู่ มันทั้งเลอะเทอะจนน่าหงุดหงิดและชายหนุ่มก็แสนจะใจดีที่เขายินดีจะรับผิดชอบสิ่งที่ทำให้หงุดหงิดนั้นด้วยสองมือของตัวเอง ใช่แล้ว บิลลี่กำลังถอดเสื้อผ้าให้กับรีเบคก้าอยู่


ฝ่ามือหนาสอดเข้าไปสัมผัสผิวเนียนนุ่ม ก่อนจะก้มลงไปกระซิบริมใบหูเล็ก



“เธอเห็นฉันแก่หรอ??”



“อ่ะ!?



ร่างน้อยถูกยกขึ้นลงแช่อ่างพร้อมๆกับร่างใหญ่ของบิลลี่ทันที เขาไม่รอช้าที่จะใช้มือกดสบู่เหลวลูบทำความสะอาดแมวเหมียวตรงหน้าที่กำลังนั่งเล่นฟองสบู่อยู่บนตักเขาสักนิด แน่นอนว่าเขาทั้งคู่อยู่ในสภาพเปลือยเปล่า มันคงไม่พิเศษอะไร เพราะบิลลี่ชอบแบบนี้อยู่แล้ว


หญิงสาวเอนตัวพิงอกกว้างอย่างเหนื่อยล้า



“ถ้าฉันเจอคริส หมอนั่นจะไม่ตายดีแน่”



“ไม่เอาน่าจากนี้ฉันจะพักงานแล้วสักครึ่งปี” รีเบคก้าบ่นพึมพำเหมือนเธอเห็นว่าพ่อเสือของเธอกำลังหงุดหงิด รีเบคก้าเอื้อมมือไปจับมือชายหนุ่มเอาไว้ ลูบแขนแกร่งของเขาเบาๆอย่างปลอบโยน


“เธอควรจะเลิกทำงาน”


“นายเองก็ด้วยนะ”


“ไม่เอาน่า”


“ไม่เอาน่า



รีเบคก้าหมุนตัวไปดึงแก้มเขาเบาๆพร้อมรอยยิ้ม ก่อนที่เธอจะใช้สองแขนโอบรอบลำคอของเขาไว้ พลางพินิจใบหน้าหล่อนี้ชัดๆ ตั้งแต่วันแรกจนวันที่เราอยู่ด้วยกัน มันไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงสักนิด ไม่ว่าจะความรู้สึกหรือว่าตัวเราเองและรีเบคก้าชอบที่มันเป็นแบบนี้


เธอค่อยๆลากปลายนิ้วสำรวจใบหน้านั้นเล่นอย่างเบามือ...


ดวงตาคมของบิลลี่เองก็ยังคงจับจ้องท่าทางไร้เดียวสานั่นอย่างเอ็นดู ไม่มีสักครั้งที่เขานึกคลางแคลงใจกับสิ่งที่เธอทำเพราะว่าหัวใจของเขา...


หัวใจของชายหนุ่ม มันเผลอรับเอาเธอเข้าไปจนท่วมท้น




จุ๊บ



หญิงสาวจูบเบาๆที่ริมฝีปากสวยคู่นั้น เมื่อบิลลี่เผลอตกอยู่ในห้วงความคิด




“ไม่เล่นนะแมวเหมียว อย่าลืมสิว่าตอนนี้เธอไม่ปลอดภัย”



เขาว่าพร้อมกับงับจมูกเธอเบาๆด้วยความหมันเขี้ยว เหตุผลที่บิลลี่เรียกรีเบคก้าว่าแมวเหมียวคงเป็นเพราะดวงตากลมโตของเธอและร่างอันบอบบาง ตัวเล็กจนเขาแทบจะหิ้วเดินไปเดินมาได้โดยไม่รู้สึกเหนื่อย




“ฉันแค่ดีใจ ที่เราอยู่ด้วยกัน”


“หืม?” บิลลี่ขมวดคิ้ว เมื่อเขาเห็นว่ารีเบคก้าเริ่มเข้าโหมดลูกแมวน่ารักที่ทำให้เขาควบคุมตัวเองไม่ได้เสียทุกทีและรอยยิ้มหวานตบท้ายของเธอช่างเป็นอันตรายต่อสภาพล่อแหลมของเราในตอนนี้จริงๆ


“ฉันคิดว่าที่ฉันปล่อยนายไปวันนั้น ฉันไม่น่า



รีเบคก้าว่าพร้อมกับเอาหน้าผากพิงกับหน้าผากของพ่อเสือเธอเบาๆ




“ไม่เอาน่า” บิลลี่ว่า พร้อมกับช้อนใบหน้าเล็กๆของเธอขึ้น


“ฉันคิดแค่ว่าตอนนั้นปล่อยนายไป เหมือนปล่อยความรู้สึกตัวเองไปด้วยเลย


“แต่เราก็ได้เจอกันอีก แถมตอนนี้ยังอยู่ด้วยกันด้วย” บิลลี่เอ่ยปลอบเพราะเขาไม่อยากให้คนรักนึกถึงอดีต ในเวลานั้น ชายหนุ่มรู้ดีว่าเธอเสียสละมาก


เธอรักเขา


แต่เธอต้องปล่อยเขาไป


ปล่อยทุกความรู้สึก ปล่อยความรัก ปล่อยทุกอย่างไปเพื่อเดินหน้าต่ออย่างไม่มีทางเลือกและแน่นอนว่าในตอนนั้นหากบิลลี่เลือกจะอยู่กับรีเบคก้า เขาเองอาจจะถูกทำร้ายด้วยอาวุธชีวภาพพวกนั้นและเราคงไม่ได้มาเจอกันแบบนี้อีก แต่สำหรับตอนนี้


ชายหนุ่มรั้งร่างบอบบางเข้ามาโอบกอดไว้




“มายลิตเติ้ลแคทของฉัน รู้ไหมเธอกำลงทำให้ฉันรักเธอมากขึ้นทุกนาที”



บิลลี่ว่ายิ้มๆ ก่อนจะกดจูบลงบนกลุ่มผมเข้มของรีเบคก้า หญิงสาวอมยิ้มเอนหน้าซบกับวงแขนล่ำสันของชายหนุ่มก่อนจะจูบเบาๆบริเวณรอยสักนั้น



“แน่นอน ตาเฒ่าเอ้ย!


                "ไม่เอาน่า... เห็นผบ.บอกว่าเธอจะไปแคลิฟอร์เนียหรอ?" บิลลี่เอ่ยถามพลางลูบศีรษะนั้นเบาๆ ซึ่งรีเบคก้าก็พยักหน้าหงึกหงัก แก้มนิ่มๆนั้นเสียดสีกับแขนเขา...


               ก็บอกแล้วว่าเธอน่ะเหมือนลูกแมว...



              "ไปหาแคลร์ ?"


              "อื้อ... ทำไมหรอ ?"


              "ดูเหมือนว่าก่อนหน้านั้น ฉันจะต้องไปรับใครบางคนที่ยุโรปตะวันออกก่อนนะสิ"



                บิลลี่ว่าพลางนึกถึงเมสเสจที่เขาได้รับจากหน่วยงานเมื่อไม่กี่นาที ก่อนที่รีเบคก้าจะมาถึงบ้านของเรา หัวสมองนึกถึงข้อมูลกับรายละเอียดที่ทางการส่งมาให้...



              'เจค มุลเลอร์'


              หมอนั่นสำคัญอะไรกับพวกแคลร์ อย่างนั้นนะ ?
















THE END