FEELING
BILLY COEN x REBECCA CHAMBERS
FICTION RESIDENT EVIL
Author: adayinjune
………………………………………………………
ความรู้สึก…
มันเป็นเรื่องค่อนข้างแย่
เมื่อเราเข้าใจว่ามันสายเกินไปที่จะรั้งสิ่งที่มองไม่เห็นไว้กับเราได้ ‘ความรัก’ มันคงเป็นเรื่องน่าขันไม่น้อย
สำหรับคนที่ได้ฟังเรื่องต่อไปนี้ของสาวตัวเล็กผมสีน้ำตาลเข้ม ดวงตากลมโตสีน้ำตาล
เธอเป็นคนน่ารักทะมัดทะแมงและยังหัวไวอีกด้วย
รีเบคก้า แชมเบอร์
เคยทำงานเป็นแพทย์ภาคสนามและเป็นสมาชิกที่อายุน้อยที่สุดของหน่วยสตาร์
นอกจากนี้ยังเป็นหนึ่งในผู้รอดชีวิตอีกด้วย แม้ว่าสวรรค์จะดลบันดาลให้เธอมีลมหายใจสู้ต่อกับโลกที่โหดร้ายคล้ายนรก
แต่เขาก็พรากเอาสิ่งๆหนึ่งไปจากเธอ สิ่งที่เป็น…
‘ความรู้สึกรัก’
[ขณะนี้หน่วยงานบีเอเอสเอสจะนำเครื่องลงจอดที่ดาดฟ้าทางทิศตะวันออกในอีก
10 นาที]
“เข้าใจแล้ว!”
หญิงสาวตอบเสียงหนัก พร้อมกับจับปืนอันเล็กเล็กไว้แน่น
ก่อนจะกระโดดข้ามตึกจากอีกตึกไปยังบริเวณที่ได้รับข้อความ
การปฏิบัติภารกิจของเธอกำลังจะสิ้นสุดลง โชคดีที่ระยะห่างของตึกไม่มากนัก
เพราะไม่อย่างนั้นก็คงเท่ากับเธอเอาชีวิตไปทิ้งไว้ที่นั่น
[เหลือเวลาอีก 4 นาที ก่อนที่ตึกทางทิศใต้จะระเบิด]
“ฟู่ว”
เจ้าของร่างเล็กถอนหายใจ
มองลงไปยังเมืองรกร้างที่เต็มไปด้วยพวกมันทุกที่ ทุกซอกทุกมุม
การทำงานของเธอสิ้นสุดลงและในแต่ละครั้งก็เหมือนกับว่าแถบพลังชีวิตลดลงด้วยเช่นกัน
“คราวหน้า ถ้าจะเอาฉันมาเสี่ยง
ขอร้องว่าให้เสี่ยงตายน้อยกว่านี้”
“จากนี้ท่านผบ.คงให้คุณได้พักร้อนยาวแล้วล่ะครับ”
“ขอให้จริง”
รีเบคก้าสั่นหัวไปมาพร้อมรอยยิ้ม
เมื่อนักบินที่บินมารับเธอตอบกลับมาด้วยท่าทางอารมณ์ดี ถึงเขาจะเป็นคนขับฮอล์แต่ก็ไม่ปฏิเสธเลยว่ามีสิทธิ์มาที่จะถูกพวกมันซึ่งพัฒนาไปเรื่อยๆสอยร่วงเอาได้
รอดมาได้ก็ดีถมเถ…
อเมริกาเหนือ หน่วยงาน B.S.A.A., 2013
“ไง ท่านผบ.”
เสียงหวานเอ่ยทักทายชายหนุ่มที่อยู่ในชุดเต็มเครื่องแบบแม้ว่าฐานทัพของเราจะต้องกบดานเพื่อให้ปลอดภัยจากพวกติดเชื้อก็ตาม
หญิงสาวในร่างมอมแมมเดินเข้ามาถอนหายใจใส่ในห้องของผู้บังคับบัญชาสูงสุดแห่งหน่วยงานสำคัญอย่างบีเอเอสเอส
“ตลกนักหรือไง มิสแชมเบอร์”
ผู้ชายสูงอายุหน้าเคร่งเครียดเอ่ยถามเธอและหากว่าชายตรงหน้าไม่ใช่คนสนิท
รีเบคก้าคงไม่ทำตัวแบบนี้หญิงสาวยิ้มร่าเริง ก่อนจะหยิบชิพในกระเป๋าเสื้อของเธอวางไว้บนโต๊ะทำงานแล้วตะเบ๊ะท่าตามประสาคนขี้เล่น
“นี่คือข้อมูลองค์กรลับที่เรารวบรวมได้ในรัฐหนึ่งของจีน
หลังจากนี้ฉันขอลางานยาวๆสักห้าหกเดือน”
“ฮ่ะๆ งานนี้มันทำเธอเกือบเอาชีวิตไม่รอดสินะ”
“ฉันเสี่ยงตายหลายเดือนเพื่อแลกข้อมูลนี้ให้คุณนะ
อ้อแล้วก็ส่งเครื่องบินไปกลับให้ฉันที่แคลิฟอร์เนียสักลำสองลำเถอะ”
“ได้ครับ คุณผู้หญิง”
ชายหนุ่มว่าพร้อมกับส่ายหัวเมื่อหล่อนเดินจากไปเสียที…
จากอเมริกาเหนือ
สถานที่ทำงานอันเป็นที่แบกหน้าและสภาพที่ดูไม่ได้กลับไปรายงานตัว รีเบคก้าคิดว่าเธอควรจะวางมือเสียที
ตั้งแต่เรื่องหลายปีก่อนที่แรคคูณซิตี้และใครบางคน…
ใครบางคนที่เธอมักจะโทษตัวเองอยู่เสมอว่าไม่ควรปล่อยเขาไป…
เรือดำน้ำของหน่วยงานพาเธอมาส่งยังหมู่เกาะฮาวาย
เกาะที่ถูกคุ้มกันอย่างดีจากเชื้อไวรัส
รวมถึงขยายเกาะเพื่อใช้สำหรับเป็นที่อยู่อาศัยและคงความอุดมสมบูรณ์ไว้มากที่สุด
ที่นี่คือ ‘บ้าน’ ของเธอ
หลังจากโลกไม่เหลือความบริสุทธิ์ให้เราอีกแล้ว…
บ้านริมทะเลหลังเล็กไม่ใหญ่มากสำหรับอยู่คนเดียวคือที่พักของรีเบคก้า
การขอพักงานหกเดือนจากการเอาชีวิตไปเสี่ยงที่จีนมันทำให้เธอรู้สึกเบื่อเมื่อต้องนอนนิ่งๆ
แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าบนโลกใบนี้เรายังสงวนที่บริสุทธิ์ไว้สำหรับหายใจอีกมากและแน่นอนว่า…
อย่างน้อยก็ต้องมีคนรู้จักของเธอเหลืออยู่
RRRRR
“ไง” รีเบคก้ารับสายโทร.เข้าของเธอ
ก่อนจะมองวิดิโอคอล ซึ่งคนโทร.มาก็คงไม่ใช่ใครนอกจากคริส
เรดฟิลล์ที่อยู่ในสภาพเกือบจะดูไม่ได้
แทบจะไม่ต้องบอกเลยว่าเขาเองก็คงฟัดกับอะไรบางอย่างทั้งวี่ทั้งวันที่จีนเช่นกัน
[ฝากความคิดถึงของฉันให้แคลร์ด้วย]
“นายหายไปตั้งนาน ฉันนึกว่านาย…”
[เด็กนี่… ฉันต้องวางก่อน
ชีวิตมันเรียกร้อง]
“ฮึ”
รีเบคก้ายิ้มมุมปาก มองเพื่อนร่วมงานของเธอก่อนจะเดินเข้าไปในบ้านพักเรียบๆ
ห้องนอน ห้องนั่งเล่นถูกจัดไว้ด้วยกัน
มีห้องครัวกับห้องน้ำและห้องทำงานที่แยกออกไป
ส่วนรวมแล้วถึงมันจะเล็กแต่มันก็กว้างสำหรับผู้หญิงตัวเล็กๆซึ่งอยู่…
หมับ!
“บิลลี่!?”
รีเบคก้ากลืนความคิดน้อยเนื้อต่ำใจลงคอไปทันที
เมื่อวงแขนกว้างที่พาดยาวด้วยรอยสักด้านขวาโอบกอดรัดร่างน้อยของเธอจนตัวลอยจากพื้น อันที่จริงเธอไม่ได้อยู่คนเดียวที่นี่หรอกแต่เพราะเรามีหน้าที่และงานที่ต่างคนต่างต้องรับผิดชอบซึ่งบางทีรีเบคก้าก็จะนึกว่าเธอกลับมาอยู่คนเดียว เหมือนช่วงที่กลับมาจากภารกิจแรกของตัวเอง
ร่างน้อยลอยหวืดขึ้น พร้อมกับใบหน้าหล่อที่แนบลงแก้มใส เสียงทุ้มเอ่ยซิบอยู่ไม่ไกล ซึ่งเธอได้ยินมันชัดเจนดี ดวงตากลมกระพริบปริบๆสองสามที…
ร่างน้อยลอยหวืดขึ้น พร้อมกับใบหน้าหล่อที่แนบลงแก้มใส เสียงทุ้มเอ่ยซิบอยู่ไม่ไกล ซึ่งเธอได้ยินมันชัดเจนดี ดวงตากลมกระพริบปริบๆสองสามที…
“เซอร์ไพร้ส์หรอ?”
“ปล่อยฉันลงน่า…”
“แมวเหมียวของฉันไม่อยู่บ้านตั้งนาน
ไปอาบน้ำกันดีกว่า”
ชายหนุ่มตัวโตไม่ได้สนใจคำทักท้วงนั่นเท่าไหร่นัก
เขากลับอุ้มสาวน้อยที่เรียกว่า ‘แมวเหมียว’ ตรงไปยังห้องน้ำทันที
อ่างอาบน้ำขนาดสี่คนถูกเปิดน้ำใส่ทันที ที่เขาวางร่างน้อยให้เท้าแตะพื้น
ผู้ชายร่างสูงใหญ่ กล้ามเป็นมัดและผมสีดำขลับของเขา
บวกกับใบหน้าหล่อเหลาที่ไม่ได้ทำให้ดูแก่ลงไปเลยสักนิด…
นี่ผู้ชายอายุ 41 จริงๆหรือเนี่ย…
"แมวเหมียวเธอนินทาฉันหรือ?"
"เปล่าสักหน่อย แค่แอบคิดว่าคนมีอายุเขานิยมเลี้ยงลูกแมวด้วยหรอ" รีเบคก้ากอดอกมองชายหนุ่มที่ถอดเสื้อกล้ามของเขออกก่อนจะเดินตรงมาหาเธอด้วยรอยยิ้มประดุจเสือร้าย...
"ลูกแมวเด็กๆ..."
บิลลี่ โคเอน
ชายหนุ่มที่ไม่เคยตาย… เขาได้รับฉายาแบบนั้นหลังจากที่ถูกหน่วยงานบีเอสเอเอจับได้ภายหลังและรายงานการสืบสวนของรีเบคก้าก็เป็นเรื่องโกหก
แน่นอน…
เขาคือคนที่เธอหมายถึงตลอดมา
ชายหนุ่มที่เธอปล่อยให้หนีไปพร้อมๆกับหัวใจของเธอ
แต่นับว่าโชคดีที่เราค้นและสืบประวัติเขาอย่างละเอียดจนพบว่าการฆ่าคน
23 ศพนั้นไม่ใช่เรื่องจริงและก็เช่นกันไม่น่าเชื่อว่าหลังจากที่เขากลับมา
ความซาบซึ้งใจจะค่อยๆเกาะกินความรู้สึกทันที เมื่อชายหนุ่มมองเห็นหญิงสาวซึ่งมุ่งมั่นเหลือเกินกับการทำให้เขารอดจากคดีนี้
ในช่วงเวลานั้นรีเบคก้ามักจะโทษตัวเองเสมอเกี่ยวกับบางเรื่องที่เขาปล่อยเธอไป
นั่นทำให้เธอต้องช่วยทีมสืบค้นประวัติอาชญากรรมที่แท้จริงเพื่อช่วยให้บิลลี่ไม่ต้องเป็นแพะรับบาป...
ในช่วงเวลานั้นรีเบคก้ามักจะโทษตัวเองเสมอเกี่ยวกับบางเรื่องที่เขาปล่อยเธอไป
นั่นทำให้เธอต้องช่วยทีมสืบค้นประวัติอาชญากรรมที่แท้จริงเพื่อช่วยให้บิลลี่ไม่ต้องเป็นแพะรับบาป...
หนสุดท้ายมันเกิดเป็นความรัก…
ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่
แต่บิลลี่ก็ยอมรับความรู้สึกนั้นที่เขามีต่อหญิงสาว ความตั้งใจ
ความมีน้ำใจและรอยยิ้มของเธอ ทุกอย่างที่เป็นเธอ ทำให้เขาหลงรัก…
“นายมันตาเฒ่า”
เสียงใสๆของรีเบคก้าดังขึ้น จนบิลลี่ชะงัก…
เขากำลังจัดการเสื้อผ้าของแมวเหมียวตรงหน้าอยู่
มันทั้งเลอะเทอะจนน่าหงุดหงิดและชายหนุ่มก็แสนจะใจดีที่เขายินดีจะรับผิดชอบสิ่งที่ทำให้หงุดหงิดนั้นด้วยสองมือของตัวเอง
ใช่แล้ว บิลลี่กำลังถอดเสื้อผ้าให้กับรีเบคก้าอยู่…
ฝ่ามือหนาสอดเข้าไปสัมผัสผิวเนียนนุ่ม
ก่อนจะก้มลงไปกระซิบริมใบหูเล็ก
“เธอเห็นฉันแก่หรอ??”
“อ่ะ!?”
ร่างน้อยถูกยกขึ้นลงแช่อ่างพร้อมๆกับร่างใหญ่ของบิลลี่ทันที
เขาไม่รอช้าที่จะใช้มือกดสบู่เหลวลูบทำความสะอาดแมวเหมียวตรงหน้าที่กำลังนั่งเล่นฟองสบู่อยู่บนตักเขาสักนิด
แน่นอนว่าเขาทั้งคู่อยู่ในสภาพเปลือยเปล่า มันคงไม่พิเศษอะไร
เพราะบิลลี่ชอบแบบนี้อยู่แล้ว…
หญิงสาวเอนตัวพิงอกกว้างอย่างเหนื่อยล้า…
“ถ้าฉันเจอคริส หมอนั่นจะไม่ตายดีแน่”
“ไม่เอาน่า… จากนี้ฉันจะพักงานแล้วสักครึ่งปี”
รีเบคก้าบ่นพึมพำเหมือนเธอเห็นว่าพ่อเสือของเธอกำลังหงุดหงิด รีเบคก้าเอื้อมมือไปจับมือชายหนุ่มเอาไว้
ลูบแขนแกร่งของเขาเบาๆอย่างปลอบโยน
“เธอควรจะเลิกทำงาน”
“นายเองก็ด้วยนะ”
“ไม่เอาน่า”
“ไม่เอาน่า…”
รีเบคก้าหมุนตัวไปดึงแก้มเขาเบาๆพร้อมรอยยิ้ม
ก่อนที่เธอจะใช้สองแขนโอบรอบลำคอของเขาไว้ พลางพินิจใบหน้าหล่อนี้ชัดๆ
ตั้งแต่วันแรกจนวันที่เราอยู่ด้วยกัน มันไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงสักนิด
ไม่ว่าจะความรู้สึกหรือว่าตัวเราเองและรีเบคก้าชอบที่มันเป็นแบบนี้
เธอค่อยๆลากปลายนิ้วสำรวจใบหน้านั้นเล่นอย่างเบามือ...
ดวงตาคมของบิลลี่เองก็ยังคงจับจ้องท่าทางไร้เดียวสานั่นอย่างเอ็นดู ไม่มีสักครั้งที่เขานึกคลางแคลงใจกับสิ่งที่เธอทำเพราะว่าหัวใจของเขา...
หัวใจของชายหนุ่ม มันเผลอรับเอาเธอเข้าไปจนท่วมท้น
จุ๊บ
หญิงสาวจูบเบาๆที่ริมฝีปากสวยคู่นั้น เมื่อบิลลี่เผลอตกอยู่ในห้วงความคิด
“ไม่เล่นนะแมวเหมียว
อย่าลืมสิว่าตอนนี้เธอไม่ปลอดภัย”
เขาว่าพร้อมกับงับจมูกเธอเบาๆด้วยความหมันเขี้ยว
เหตุผลที่บิลลี่เรียกรีเบคก้าว่าแมวเหมียวคงเป็นเพราะดวงตากลมโตของเธอและร่างอันบอบบาง
ตัวเล็กจนเขาแทบจะหิ้วเดินไปเดินมาได้โดยไม่รู้สึกเหนื่อย…
“ฉันแค่ดีใจ ที่เราอยู่ด้วยกัน”
“หืม?” บิลลี่ขมวดคิ้ว
เมื่อเขาเห็นว่ารีเบคก้าเริ่มเข้าโหมดลูกแมวน่ารักที่ทำให้เขาควบคุมตัวเองไม่ได้เสียทุกทีและรอยยิ้มหวานตบท้ายของเธอช่างเป็นอันตรายต่อสภาพล่อแหลมของเราในตอนนี้จริงๆ
“ฉันคิดว่าที่ฉันปล่อยนายไปวันนั้น ฉัน…ไม่น่า…”
รีเบคก้าว่าพร้อมกับเอาหน้าผากพิงกับหน้าผากของพ่อเสือเธอเบาๆ
“ไม่เอาน่า…” บิลลี่ว่า
พร้อมกับช้อนใบหน้าเล็กๆของเธอขึ้น
“ฉันคิดแค่ว่าตอนนั้นปล่อยนายไป เหมือนปล่อยความรู้สึกตัวเองไปด้วยเลย…”
“แต่เราก็ได้เจอกันอีก
แถมตอนนี้ยังอยู่ด้วยกันด้วย” บิลลี่เอ่ยปลอบเพราะเขาไม่อยากให้คนรักนึกถึงอดีต ในเวลานั้น
ชายหนุ่มรู้ดีว่าเธอเสียสละมาก
เธอรักเขา
แต่เธอต้องปล่อยเขาไป…
ปล่อยทุกความรู้สึก ปล่อยความรัก
ปล่อยทุกอย่างไปเพื่อเดินหน้าต่ออย่างไม่มีทางเลือกและแน่นอนว่าในตอนนั้นหากบิลลี่เลือกจะอยู่กับรีเบคก้า
เขาเองอาจจะถูกทำร้ายด้วยอาวุธชีวภาพพวกนั้นและเราคงไม่ได้มาเจอกันแบบนี้อีก
แต่สำหรับตอนนี้…
ชายหนุ่มรั้งร่างบอบบางเข้ามาโอบกอดไว้
“มายลิตเติ้ลแคทของฉัน
รู้ไหมเธอกำลงทำให้ฉันรักเธอมากขึ้นทุกนาที”
บิลลี่ว่ายิ้มๆ
ก่อนจะกดจูบลงบนกลุ่มผมเข้มของรีเบคก้า
หญิงสาวอมยิ้มเอนหน้าซบกับวงแขนล่ำสันของชายหนุ่มก่อนจะจูบเบาๆบริเวณรอยสักนั้น
“แน่นอน ตาเฒ่าเอ้ย!”
"ไม่เอาน่า... เห็นผบ.บอกว่าเธอจะไปแคลิฟอร์เนียหรอ?" บิลลี่เอ่ยถามพลางลูบศีรษะนั้นเบาๆ ซึ่งรีเบคก้าก็พยักหน้าหงึกหงัก แก้มนิ่มๆนั้นเสียดสีกับแขนเขา...
ก็บอกแล้วว่าเธอน่ะเหมือนลูกแมว...
"ไปหาแคลร์ ?"
"อื้อ... ทำไมหรอ ?"
"ดูเหมือนว่าก่อนหน้านั้น ฉันจะต้องไปรับใครบางคนที่ยุโรปตะวันออกก่อนนะสิ"
บิลลี่ว่าพลางนึกถึงเมสเสจที่เขาได้รับจากหน่วยงานเมื่อไม่กี่นาที ก่อนที่รีเบคก้าจะมาถึงบ้านของเรา หัวสมองนึกถึงข้อมูลกับรายละเอียดที่ทางการส่งมาให้...
'เจค มุลเลอร์'
หมอนั่นสำคัญอะไรกับพวกแคลร์ อย่างนั้นนะ ?
"ไม่เอาน่า... เห็นผบ.บอกว่าเธอจะไปแคลิฟอร์เนียหรอ?" บิลลี่เอ่ยถามพลางลูบศีรษะนั้นเบาๆ ซึ่งรีเบคก้าก็พยักหน้าหงึกหงัก แก้มนิ่มๆนั้นเสียดสีกับแขนเขา...
ก็บอกแล้วว่าเธอน่ะเหมือนลูกแมว...
"ไปหาแคลร์ ?"
"อื้อ... ทำไมหรอ ?"
"ดูเหมือนว่าก่อนหน้านั้น ฉันจะต้องไปรับใครบางคนที่ยุโรปตะวันออกก่อนนะสิ"
บิลลี่ว่าพลางนึกถึงเมสเสจที่เขาได้รับจากหน่วยงานเมื่อไม่กี่นาที ก่อนที่รีเบคก้าจะมาถึงบ้านของเรา หัวสมองนึกถึงข้อมูลกับรายละเอียดที่ทางการส่งมาให้...
'เจค มุลเลอร์'
หมอนั่นสำคัญอะไรกับพวกแคลร์ อย่างนั้นนะ ?
THE END